บทความ

โรคมะเร็งเกิดจากอะไร..?

รูปภาพ
โรคมะเร็งเกิดจากอะไร..?     เกิดจากร่างกาย ได้รับสารเคมีที่ปะปนอยู่ในอาหาร หรือเกิดจาก เชื้อราอัลฟลาทอกซิน เช่น ถั่วลิสงป่น พริกป่น งาดำป่น ที่ทิ้งไว้เกิน ๒๐ นาที จะเกิดเชื้อราอัลฟลาทอกซิน เข้าไปยึดพื้นที่ และอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์รมควัน หรือ ย่างจนไหม้เกรียม เนื้อสัตว์หมักดินประสิวสารกันบูด สารฟอกสี เกิดจากฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเตอโรน) และเพศหญิง(แอสโตรเจน) ที่มีอยู่ในร่างกายทุกคน ทั้งสองอย่างไม่สัมพันธ์กัน คือ มากไป หรือน้อยไป (ต้องกินน้ำกระชายเข้าไปปรับสมดลของฮอร์โมนให้พอดี) หรือเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นเองได้จากความเครียดสะสมทำให้เซลล์ ฝ่ายดีในร่างกายเสื่อม และตายเร็วขึ้น แต่ตัวเซลล์มะเร็งจะเจริญเติบโตได้รวดเร็ว  ถ้าเราใส่โปรแกรมในจิตใต้สํานกของเรา ว่าเราเป็นคนอ่อนแอ ร่างกายก็ไม่ส่งเอนไซม์ไปทำลายเซลล์มะเร็ง ก็ปล่อยให้มันโตขึ้นทุกวัน ตัวเซลล์มะเร็งจะดึงโปรตีน และกรดอะมิโนทั่วร่างกายไปใช้ ตัวเซลล์ ที่เป็นฝ่ายดีที่เริ่มอ่อนแอเพราะความคิดของตัวเราเองว่าเป็นคนอ่อนแอ ก็จะไม่มีสารอาหารบำรุงเซลล์ฝ่ายดี เพื่อให้เซลล์ฝ่ายดีหรือเอนไซม์ และไขมันไปดักจับและทำลายเซลล์มะเร็ง เพราะฉนั้

อาการปวดเข่า 4ด้านเกินจากสาเหตุอะไรใครรู้มั่ง...?

รูปภาพ
อาการปวดเข่า 4 ด้านเกินจากสาเหตุอะไรใครรู้มั่ง...? วิ ธีประเมินสุขภาพด้วยตนเอง ปวดเข่าด้านหน้าเกิดจาก   บริเวณลูกสะบ้าหัวเข่าลงไปหน้าแข้ง สาเหตุมาจากกระเพาะอาหาร เช่น กินไม่ตรงเวลาไม่กินอาหารเช้า กินอาหารรสจัด หรือเป็นคนวิตกกังวลบ่อย กระเพาะอาหารยังทนได้อยู่ไม่เป็นอะไร แต่จะมาฟองที่เขา ปวดเข่าด้านหลังเกิดจาก  บริเวณขาพับ สาเหตุมาจากกระเพาะปัสสาวะ เช่น กลั้น ปัสสาวะบ่อย หรือ คุมปัสสาวะไม่ได้ กระเพาะปัสสาวะเองยังฟ้องเหตุการณ์ในร่างกายอีกหลายอยาง              ถ้าเรามีปัญหากระเพาะปัสสาวะ อาจจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงอาการเบาหวาน หรือ มดลูกรังไข่  เรื่องของไต ล่าใส่ใหญ่ไม่ดี แล้วกระเพาะปัสสาวะ ก็จะมาฟ้องที่ตังใต้เข่าหลังขาพับ       อารมณ์หวาดกลัวเป็นเหตุให้ปวดเข่าได้ เช่น กล้าอยู่คนเดียว กลัวถูกทอดทิ้ง กล้าลูกหลานไม่เลี้ยง กลัวความสูง กล้าความมืด ปวดเข่าด้านข้าง(แถบด้านนอก)   ถ้าปวดบริเวณนี้ ร้าวไปถึงโคนขา ถึงสะโพก สาเหตุมาจาก ถุงน้ำดีเป็นเหตุ เราก็ตรวจตัวเองดูว่า เรากิน น้ำน้อยไปไหม เรากินของผัดน้ำมันบ่อยหรือเปล่า ปวดเข่าด่านใน (เอเข่าชนกัน)     อาจเกิดจากม้าม หรือมีปัญหาของเ

ไรฝุ่นอันตรายที่อยู่ไกล้ตัว..

รูปภาพ
  ไรฝุ่น      สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามในอากาศ จะมีละออ ฝุ่นในละอองฝุ่นจะมีตัวไรฝุ่นเกาะติดอยู่เป็นจานวนมาก ลอยตัวอยู่ในอากาศทั่วไป ล่องลอยมาเกาะติดที่ไหน ไรฝุ่น   ของร่างกาย หรือ เสื้อผ้าที่สวมใส่ ในห้องนอน ในรถ เมือเราหายใจก็จะติดละอองและไรฝุ่นติดเข้ามาด้าย หรือติดที่ใบหน้า ตัวไรฝุ่นก็จะอาศัยอยู่ แล้วกัดกินฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนทรขุมขน และผิวหนัง หรือในโพรงจมูก ในรูหู เมื่อไรฝุ่นกินแล้วก็ต้องขับถ่ายทิงไว้ตรงบริเวณที่ไรฝุ่นอาศัยอยู่ จะเกิดเป็นเชอราอักเสบได้ง่าย ถ้าเกิดที่ใบหน้าจะเป็นสิวถ้าเกิดกับหนังศีรษะ ก็เป็นเชื้อราทีหนังศีรษะ ไรฝุ่นจะกินทั้งเลือดและน้ำเหลืองด้วย วิธีขับไล่ไรฝุ่น 1.กินขมินชันแคปซูลเป็นประจำ 2.กินน้ำมะพร้าววันละ 1 ลูก ไม่ต้องกินเนื้อมะพร้าวเพื่อเพิมแอสโตรเจน 3.ใช้โลชั่นน้ำมะเฟืองชโลมผิวกาย เพื่อขับไล่ไรฝุ่นและยังช่วยลบรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าให้หายไปทีละน้อย

วิธีล้างสารพิษในตับ แบบง่ายๆ

รูปภาพ
วิธีล้างสารพิษในตับ กินเห็ดสามอย่างขึ้นไปปรุงอาหาร ห้ามผัดน้ำมัน แต่ใช้กะทิแทนนามัน จะได้ประโยชน์มากกว่า (ต้มเห็ดแล้วกินแต่น้าก็ได้) กินขมินชันก่อนนอน เพื่อขับไขมันในตับ การดูแลตับให้แข็งแรง จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น งดใช้เครื่องสำอางทีมีสารเคมีกับใบหน้า งดใช้ยาสระผมที่มีสารเคมีกับหนังศีรษะ เพราะสารเคมีจะเข้าไปถึงตับได้โดยตรง โดยซึมผ่านเข้าทางเสนเลอดฝอย ผงซูรส หรือโมโนโซเดียมกลูตาเมท จะตกค้างในตับ ทำร้ายตับโดยตรง และทำให้เลือดหนืด ไม่กินอาหารระหว่างต 1 ถึงตี 3 เพราะเป็นเวลาที่ตับต้องขับสารพิษ ถ้ากินอาหารเวลานี้ตับจะไม่ได้ทำหน้าที่หลัก คือ การขับสารพิษออกจากร่างกาย

สาเหตุที่ร่างกายเราไม่แข็งแรงเกิดจากตับทำงานหนักเกินไป

รูปภาพ
สาเหตุที่ร่างกายเราไม่แข็งแรงเกิดจากตับทำงานหนักเกินไป หน้าที่หลักของตับ ผลิตน้าดีให้ถุงน้าดี ช่วยกรองเลือกเข้าสู่ร่างกาย และส่งเลือดไปที่ไต ล้างสารพิษ และตับยังช่วยย่อยอาอาหาร ดูแลเส้นผม ขน เล็บ ถ้าตับทำงานหนัก ไตก็มาช่วยทำงาน เมื่อทำงานหนักตับก็จะเสีย ไตก็เสื่อม   ตับทำงานหนัก เพราะกินบ่อย กินผิดเวลา คือมื้อที่ตับรอย่อยอาหาร เช่น อาหารมื้อเช้าเราไม่ได้กิน อาหารมื่อเช้า ระหว่างเวลา 07.00-09.00 น. แต่ไปกินอาหารเวลาที่ตับเลิกทำงานแล้ว คือหลังจากเวลา๐9.๐๐ น. ตับจะย่อยผิดเวลา กลายเป็นว่า ตับต้องทำงานหนัก หรือ กินจุบจิบทั้งวัน และการกินอาหารหน้าแล้วเข้านอน    โดยเฉพาะเวลา 01.00-03.00 น. ร่างกาย ต้องนอนหลับสนิท และเป็นเวลาของตับที่จะต้องขับสารพิษออกจากร่างกาย ก็ไม่ควรกินอาหารในเวลานี้ ถ้าจะกินก็ควรจะให้เลย 03.00 น. ไปแล้ว     ถึงแม้ไม่ได้กินอะไรจุบจิบ ตับก็ต้องรับอารมณ์ไกรธ โมโหอิจฉา หรือเครียด เมือมีอารมณ์เหล่านี้ เชลล์ในตับก็จะตายไปเป็นจำนวนมากทำให้ตับเสื่อมเร็วขึ้น         เพิมภาระให้ตับคือ การโกรกสีผม ทาเล็บ ใช้ยาสระผม ทาปากด้วยเครื่องสำอางทีมีสารเคมีเจือปนอยู่

ผักจินดา Gymnema inodorum

ผักจินดา ผักจินดา หรือ ผักเชียงดา (อังกฤษ: Gymnema inodorum) เป็นไม้เถาเลื้อยพบได้ในประเทศแถบทวีปเอเซีย เช่น อินเดีย พม่า ในประเทศไทยนิยมนำมารับประทานเป็นผักหรือใช้ปรุงอาหาร มีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้เป็นเบาหวานทั้งสองชนิดได้ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้เถาเลื้อยยาว ใบและเถามีสีเขียวเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5 - 5 ซม. มักเลื้อยเลื้อยพาดตามต้นไม้ใหญ่ มีความยาวประมาณ 5 -10 เมตร ในทุกส่วนของผักจินดาจะมีน้ำยางสีขาวลักษณะเหมือนน้ำนม ใบเดี่ยวเป็นรูปกลมรี ฐานใบจะมน ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ด้านของใบจะสีเขียวเข้ม (upper epidermis) กว่าหลังใบ (lower epidermis) ใบจะออกเรียงเป็นคู่ตรงข้ามกัน ออกดอกเป็นช่อแน่น มีสีขาวอมเขียวอ่อน กลม เล็ก มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5-6 มม. ส่วนผลจะออกเป็นฝักคู่ การขยายพันธ์ ผักจินดานิยมขยายพันธ์โดยการปักชำกิ่ง เจริญเติบโตได้ในดินร่วน ในฤดูฝนจะให้ผลผลิตมาก พบมากในภาคเหนือของไทย การใช้ประโยชน์ ในภาคเหนือของไทยนิยมนำผักจินดามาประกอบอาหารต่าง ๆ มีการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าผักจินดาสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2469 นอกจากนี้ยังพบว่ากา

กะเพรา Ocimum sanctum

รูปภาพ
กะเพรา (ชื่อวิทยาศาสตร์: Ocimum sanctum) เป็นไม้ล้มลุก แตกกิ่งก้านสาขา สูง 30-60 ซม. นิยมนำใบมาประกอบอาหารคือ ผัดกะเพรา กะเพรามี 3 พันธุ์ คือ กะเพราแดง กะเพราขาว และ กะเพราลูกผสมระหว่างกะเพราแดงและกะเพราขาว เชียงใหม่ - กอมก้อ, กอมก้อดง แม่ฮ่องสอน - ห่อกวอซู, ห่อตูปลู, อิ่มคิมหลำ กะเหรี่ยง - ห่อกวอซู, ห่อตูปลู เงี้ยว - อิ่มคิมหลำ ภาคกลาง - กะเพราขน, กะเพราขาว, กะเพราแดง (กลาง) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ - อีตู่ข้า ลักษณะ ลำต้นค่อนข้างแข็ง ตามลำต้นมีขน ใบเป็นใบเดี่ยวการเกาะติดของใบบนกิ่งแบบตรงข้ามสลับตั้งฉาก เรียงตรงข้าม รูปรี กว้าง 1-3 ซม. ยาว 2.5-5 ซม. ใบปลายแหลมหรือมน โคนแหลม ขอบจักฟันเลื่อยและเป็นคลื่น แผ่นใบมีขน ดอกเป็นแบบช่อฉัตร ออกบริเวณปลายยอดและปลายกิ่ง ยาว 8-10 ซม. ดอกย่อยมีขนาดเล็ก รูปคล้ายระฆัง กลีบดอกมีทั้งชนิดสีขาวลายม่วงแดงและสีขาว โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นกรวย ส่วนปลายแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนบนแยกเป็น 4 กลีบปลายแหลมเรียว ส่วนล่างมีกลีบเดียวค่อนข้างกลม ผิวกลีบด้านในเกลี้ยง ด้านนอกมีขนตามโคนกลีบ กลีบเลี้ยงสีแดงน้ำตาลแกมม่วง และสีเขียว เนื้อกลีบแข็ง ส่วนโคนเชื่อมติดกันเป็นก